ในปีสองปีมานี้เนื่องจากเราโดนโรคระบาดอย่างโควิด-19 รุมเร้า ทำให้ส่งผลโดยตรงกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นลักษณะ ความไม่แน่นอนฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการติดขัดในหลายภาคส่วนทั้งในเรื่องของการค้าขายส่งออกนอกประเทศ การบริโภคอุปโภคภายในประเทศ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวแปรที่สำคัญคือวัคซีนโรคโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถนำมาฉีดให้กับประชาชนในประเทศได้อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรครุนแรงทำให้ต้องปิดล็อกดาวน์ประเทศหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจนั้นมีผลติดลบต่อเนื่อง
ความไม่แน่นอนฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจ กับผลกระทบอาชีพต่างๆ
การที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเลยนั้นส่วนหนึ่งมาจากประชากรส่วนหนึ่งที่มีปัญหาเป็นอย่างมากในการประคองธุรกิจให้สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้หลายต่อหลายธุรกิจจำเป็นต้องปิดตัวลงเนื่องจากไม่สามารถรับกับต้นทุนที่ติดลบทุกเดือนได้ หรือบางที่ที่ยังคงกิจการเอาไว้ได้อย่างเช่นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก็มีการลดพนักงานลงบางส่วนเพื่อให้บริษัทสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
ทั้งหมดส่งผลโดยตรงให้เกิดภาวะคนตกงานและคนว่างงานเป็นจำนวนมาก และยังทำให้มีปัญหาหนี้สินสะสมรายบุคคลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจจึงค่อนข้างกินระยะเวลานาน เนื่องจากกว่าที่ผู้คนเหล่านี้จะกลับมาตั้งหลักใหม่ได้ต้องใช้เวลาพอสมควร
เศรษฐกิจจะดีขึ้นเมื่อไหร่
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นอย่างที่ได้กล่าวข้างต้นว่าปัจจัยหลักคือเรื่องของวัคซีน หากมีการฉีดวัคซีนในปริมาณที่ทั่วถึง ก็จะส่งผลให้มีการเปิดประเทศได้ตามปกติ คนสามารถกลับมาทำงานได้ปกติ และคนต่างชาติสามารถกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ แต่ยังคงต้องระวังในเรื่องของค่าเงินบาทพี่ยังมีความแข็งตัวอยู่เนื่องจาก ยังคงมีการขาดดุลในบัญชีเดินสะพัดและเงินดอลล่าร์ของสหรัฐมีความอ่อนค่าลง ทำให้มีผลต่อการส่งออกสินค้าในระยะเวลาถัดไป
นอกจากนี้เรายังคงต้องหวังอาศัยมาตรการช่วยเหลือต่างๆจากรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศโดยต้องทำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเศรษฐกิจในอนาคตจะมีการค่อยค่อยฟื้นตัวแบบลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และยังต้องคอยระวังสถานการณ์ทางการเมืองเนื่องจากมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของต่างประเทศด้วยเช่นกัน